ประโยช์จากน้ำหมักชีวภาพ การทำน้ำหมักชีวภาพ ผลิออกเร็ว ต่อต้านโรค เพิ่มผลิตผล

นํ้าหมักชีวภาพ คือ น้ำหมักชีวภาพที่ได้จากการดองเศษซากพืช ซากสัตว์ หรือสารอินทรีย์ชนิดต่างๆที่หาได้ในแคว้นด้วยจุลินทรีย์เฉพาะ ซึ่งอาจหมักร่วมกับกากน้ำตาลหรือน้ำตาล

น้ำหมักชีวภาพ หรือ น้ำสกัดชีวภาพ หรือ ปุ๋ยน้ำจุลินทรีย์
ตามแต่จะเรียก เป็นสารละลายเข้มข้นที่ได้จากการดองเศษพืช หรือสัตว์ กับสารที่ให้ความหวาน จนถึงถูกสลายตัวโดยจุลินทรีย์ ซึ่งเมื่อผ่านกรรมวิธีการแล้วจะได้สารละลายเข้มข้นสีน้ำตาล ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ แล้วก็สารอินทรีย์หลายชนิด

https://www.youtube.com/watch?v=tLsiH4YcCHk

แรกเริ่มนั้นจุดหมายของการคิดค้น "น้ำหมักชีวภาพ" ขึ้นมา เพื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แต่ช่วงหลังก็มีการนำน้ำหมักชีวภาพ มาดัดแปลงประโยชน์ในด้านอื่นเหมือนกัน

แนวทางการหมักของน้ำหมักชีวภาพจะมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพสารอินทรีย์ด้วยจุลินทรีย์ โดยใช้กากน้ำตาล และน้ำตาลจากสารอินทรีย์เป็นแหล่งพลังงาน แบ่งเป็น 2 แบบ คือ

1. การดองแบบอยากได้ออกซิเจน
เป็นการหมักด้วยจุลินทรีย์ประเภทที่อยากออกซิเจนสำหรับกรรมวิธีย่อยสลายสารอินทรีย์ เพื่อสร้างเป็นพลังงาน แล้วก็อาหารให้แก่เซลล์ การดองจำพวกนี้จะเกิดน้อยในกรรมวิธีหมักน้ำหมักชีวภาพ และมักกำเนิดในทีแรกๆของการหมัก แต่ว่าเมื่อออกซิเจนในน้ำ แล้วก็อากาศหมด จุลินทรีย์แบบใช้ออกซิเจนจะต่ำลง และก็หมดไปจนกระทั่งเหลือเฉพาะการหมักดองจากจุลินทรีย์แบบไม่ใช้ออกซิเจน

2. การดองแบบไม่ได้อยากออกซิเจน
เป็นการหมักด้วยจุลินทรีย์จำพวกที่ไม่ต้องการที่จะอยากออกซิเจนสำหรับกรรมวิธีเสื่อมสภาพสารอินทรีย์ เพื่อสร้างเป็นพลังงาน แล้วก็ของกินให้แก่เซลล์ การหมักดองชนิดนี้จะเกิดเป็นส่วนมากในแนวทางการหมักน้ำหมักชีวภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ได้คือ คาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ส่วนพวกเมอเคปเทนแล้วก็แก๊สซัลไฟด์ปลดปล่อยออกมาน้อย

https://www.youtube.com/watch?v=R1zWVFaNG7Y

แนวทางการทำน้ำหมักชีวภาพ
แนวทางการทำน้ำหมักชีวภาพจะเลือกใช้อุปกรณ์ใดสำหรับในการหมักนั้น ควรเลือกใช้สิ่งของหมักที่สามารถหาได้ง่ายในครัวเรือน แปลงเกษตรของตัวเองหรือหาได้ง่ายในเขตแดน ส่วนหัวเชื้อสามารถเลือกใช้สารเร่งพด.2 หรือ พด.6 ตามเป้าหมายสำหรับการใช้ประโยชน์เป็นหลัก

• น้ำหมักชีวภาพ สูตร 1
หมักจากผักแล้วก็ผลไม้ ปริมาณ 50 ลิตร (หมัก 7 วัน)
– ผัก หรือผลไม้ 4 ส่วน เป็นต้นว่า 40 โล
– กากน้ำตาล 1 ส่วน อย่างเช่น 10 ลิตร
– น้ำ 1 ส่วน เช่น 10 ลิตร
– สารเร่ง พด.2 ปริมาณ 1 ซอง (25 กรัม) ใช้หมักได้ 50 ลิตร

• น้ำหมักชีวภาพ สูตร 2
หมักจากปลาหรือหอยเชอรี่ จำนวน 50 ลิตร (หมัก 21 วัน)
– ปลา 3 ส่วน
– กากน้ำตาล 1 ส่วน
– ผลไม้ 1 ส่วน
– น้ำ 1 ส่วน
– สารเร่ง พด.6 หรือ พด.2 จำนวน 1 ซอง (25 กรัม)

• น้ำหมักชีวภาพ สูตร น้ำหมักผลไม้
ส่วนประกอบ
ฟักทอง 1 ผล (3-4 กิโลกรัม)
กล้วยน้ำว้าสุก 1 หวี
สัปปะรด 1 ลูก
มะละกอสุก 1 ลูก
กากน้ำตาล 1 ลิตร
น้ำเปล่า 20-30 ลิตร
ถังหมักขนาด 50 ลิตร

https://www.youtube.com/watch?v=hKdU8Me07jI

กระบวนการทำน้ำหมักผลไม้
1.สับผลไม้แต่ละประเภทตามภาพ โดยไม่ต้องสับละเอียดมาก เพราะเหตุว่าจะก่อให้เวลากรองเอากากออกทำได้ยาก
2.เอาผลไม้ที่สับเสร็จแล้วลงในถังหมักที่ได้จัดแจงไว้
3.เติมกากน้ำตาลและก็เพิ่มน้ำเปล่าตามลงไป จากนั้นกวนทุกๆอย่างให้ถูกกันเพื่อให้กากน้ำตาลละลายปิดฝาถัง
4.หมักในช่วงเวลา 2 อาทิตย์ ให้มีการเปิดกวนอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
5.หมักจนกระทั่งครบ 2 สัปดาห์แล้วกรองเอากากออกด้วยตะแกรง กรอกน้ำหมักผลไม้ที่ได้ใส่ขวดหรือแกนลอนปิดฝาให้มิดชิด จากนี้ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้เลย ถ้าขวดหรือแกนลอนมีก๊าซ ให้หมั่นระบายก๊าซออกเดือนละ 1-2 ครั้ง

ข้อพึงระวังสำหรับเพื่อการหมัก
การดองควรใช้ถังแบบมีฝาปิดมิดชิด เนื่องจากอาจมีเแมลงวันลงไปไข่ใส่จนถึงทำให้มีหนอนได้ ส่วนการปรับปรุงแก้ไขสำหรับผมเป็น หาเทปใสพันฝาถังโดยรอบ

การใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนผสมในตัวหมักจะก่อให้ได้น้ำหมักที่มีสีน้ำตาลเข้ม แต่ว่าหากหมักด้วยอินทรีย์วัตถุเพียงอย่างเดียวจะได้น้ำหมักเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือตามสีของวัตถุที่เพิ่มลงหมัก

https://www.youtube.com/watch?v=5FSE1sNNbFY

จำพวกของน้ำหมักชีวภาพ
น้ำหมักชีวภาพแบ่งตามจำพวกวัตถุดิบที่ใช้หมัก 3 จำพวก คือ
1. น้ำหมักชีวภาพจากพืช แบ่งเป็น 2 จำพวก คือ
– จำพวกที่ใช้ผัก แล้วก็เศษพืช เป็นน้ำหมักที่ได้จากเศษพืช เศษผักจากแปลงเกษตรข้างหลังการเก็บ แล้วก็คัดแยกผลผลิต น้ำหมักที่ได้มีลักษณะเป็นน้ำข้นสีน้ำตาล มีกลิ่นหอม ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดอะมิโน กรดแลคติค แล้วก็ฮอร์โมนโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี
– ประเภทที่ใช้ขยะเปียก เป็นน้ำหมักที่ได้จากขยะในครัวเรือน เช่น เศษอาหาร เศษผักผลไม้ น้ำหมักที่ได้มีลักษณะข้นสีน้ำตาลจางกว่าชนิดแรก รวมทั้งมีกลิ่นหอมสดชื่นน้อยกว่า บางเวลาอาจมีกลิ่นเหม็นบ้างนิดหน่อย จะต้องใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ
2. น้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ เป็นน้ำหมักที่ได้จากเศษเนื้อต่างๆอาทิเช่น เนื้อปลา เนื้อหอย ฯลฯ น้ำหมักที่ได้จะมีสีน้ำตาลเข้ม มักมีกลิ่นเหม็นมากกว่าน้ำหมักที่ได้จากวัตถุหมักอื่น จำเป็นต้องใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ
3. น้ำหมักชีวภาพผสม เป็นน้ำหมักที่ได้จาการหมักพืช และก็เนื้อสัตว์รวมกัน ส่วนมากมักเป็นแหล่งที่ได้จากเศษอาหารในครัวเรือนเป็นหลัก


ลักษณะน้ำหมักชีวภาพที่หมักสมบูรณ์
1. น้ำหมักชีวภาพมีลักษณะสีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้มใส ไม่ขุ่นดำ น้ำหมักจะอยู่ส่วนบน ส่วนกากจะตกลงด้านล่าง
2. น้ำหมักชีวภาพไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า แต่ว่าจะมีกลิ่นหอมสดชื่นเสมือนเหล้าหมักหรือมีกลิ่นของกากน้ำตาล
รวมทั้งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว
3. น้ำหมักชีวภาพต้องมีฟองก๊าซหรือเปล่ามีฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แม้มีการหมักอุปกรณ์จนกระทั่งหมดแล้ว
4. น้ำหมักชีวภาพจะมีค่าความเป็นกรด-ด่าง ราว 3-4

คุณสมบัติของน้ำหมักชีวภาพ
1. มีฮอร์โมนที่นำมาใช้ต่อการเติบโตของพืชหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น ออกสิน ไซโตตไคนิน และก็จิบเบอร์เรลลิน
2. กรดอินทรีย์ชนิดต่างๆอย่างเช่น กรดอะซีว่ากล่าวก กรดแลคติก กรดอะมิโน และกรดฮิวมิก
3. มีวิตามินบี วิตามินซี วิตามินเอ แล้วก็อื่นๆขึ้นกับประเภทของอุปกรณ์หมัก
4. มีความเป็นกรดที่ pH ราวๆ 3-4

ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากน้ำหมักชีวภาพ
1. ด้านการเกษตร
ด้านการเกษตร น้ำหมักชีวภาพ มีธาตุอาหารสำคัญ อีกทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แคลเซียม กำมะถัน ฯลฯ จึงสามารถนำไปเป็นปุ๋ย เร่งอัตราการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มคุณภาพของผลิตผลให้ดีขึ้น และก็ยังสามารถใช้ไล่แมลงศัตรูพืชได้ด้วย
– ใช้ฉีดพ่นหรือเพิ่มในดินหรือน้ำ ช่วยทำให้ภาวะความเป็นกรด-ด่าง ในดิน รวมทั้งน้ำ
– ใช้เพิ่มในดิน ช่วยปรับภาวะองค์ประกอบของดิน ทำให้ดินร่วนซุย ซับน้ำก้าวหน้า และก็ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน และก็น้ำ
– ช่วยเพิ่มอัตราการย่อยสลายสารอินทรีย์ในดิน รวมทั้งน้ำ
– ใช้ เครื่องพ่นยา รดต้นพืชหรือแช่เมล็ดพันธุ์ ท่อนพันธุ์เพื่อเร่งการเกิดราก แล้วก็การเติบโตของพืช
– เป็นสารที่ปฏิบัติหน้าที่เหมือนฮอร์โมนพืช กระตุ้นการเกิดราก และก็การเติบโต ทำให้ผลิตผล และก็คุณภาพสูงขึ้น
– ใช้ฉีดพ่นในแปลงเกษตร ช่วยต้านทานแมลงศัตรูพืช แล้วก็ลดปริมาณแมลงศัตรูพืช
– ใช้ฉีดพ่นในแปลงผัก ผลไม้ หรือผลผลิตต่างๆเพื่อคุ้มครองปกป้องการทำลายผลิตผลของแมลง

2. ด้านปศุสัตว์
ด้านปศุสัตว์ สามารถช่วยดับกลิ่นเหม็น น้ำเสียจากฟาร์มสัตว์ได้ ช่วยคุ้มครองปกป้องโรคระบาดต่างๆในสัตว์แทนการ ใช้ยาปฏิชีวนะ ทำให้สัตว์แข็งแรง มีความต้านทานโรค ช่วยกำจัดแมลงวัน อื่นๆอีกมากมาย
– ใช้ฉีดพ่นตามพื้นดินในฟาร์มเพื่อลดกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์ ซากพืช ซากสัตว์ในฟาร์ม
– ใช้เพิ่มในน้ำเสียเพื่อกำจัดน้ำเสียด้วยการเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์สำหรับการย่อยสารอินทรีย์ในน้ำเสีย
– ใช้ฉีดพ่นตามพื้นหรือตัวสัตว์เพื่อปกป้อง แล้วก็ลดปริมาณของจุลินทรีย์ก่อโทษ และก็เชื้อโรคต่างๆ
– ช่วยคุ้มครองป้องกันแมลงวัน แล้วก็การเจริญเติบโตของหนอนแมลงต่างๆ
– ใช้ผสมอาหารสัตว์ประเภทหญ้าเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ในกระเพาะสัตว์เคี้ยวเอื้อง
– ใช้หมักหญ้า ฟางข้าวหรือต้นหญ้าอาหารสัตว์เพื่อมีการย่อยง่าย

3. ด้านการประมง
ด้านการประมง ช่วยควบคุมประสิทธิภาพน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ช่วยแก้ไขปัญหาโรคพยาธิในน้ำ ช่วยรักษาโรคแผลต่างๆในปลา กบ ตะไข้ได้ ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ ช่วยทำให้เลนไม่เน่าเหม็น ใช้ในด้านการประมงมักใช้น้ำหมักชีวภาพเติมในบ่อเลี้ยงปลาเพื่อผลดีในด้านต่างๆเป็น
– เพื่อปรับความเป็นกรด-ด่าง
– เพื่อเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สำหรับในการเสื่อมสภาพสิ่งสกปรกในบ่อปลา
– เพื่อต่อต้าน และก็ลดปริมาณเชื้อโรคที่ก่อโทษในสัตว์น้ำ
– เพื่อรักษาแผลของสัตว์น้ำ
– ช่วยลดจำนวนขี้เลนในบ่อ ด้วยการช่วยย่อยสลายสิ่งบูดเน่าข้างล่างบ่อ

4. ด้านสภาพแวดล้อม
ด้านสิ่งแวดล้อม น้ำหมักชีวภาพ สามารถช่วยบรรเทาน้ำเสียจากการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม ชุมชน และก็สถานประกอบการทั่วไป แถมยังช่วยดับกลิ่นเหม็นจากกองขยะ การเลี้ยงสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งชุมชนต่างๆยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยทำให้ปรับสภาพภูมิอากาศที่เสียให้ชื่นบาน แล้วก็มีภาวะดีขึ้น
– ใช้เพิ่มในระบบบรรเทาน้ำเสียจากการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม แล้วก็ชุมชน
– ใช้เพิ่มเติมในบ่อขยะ ช่วยสำหรับในการย่อยสลายขยะ และก็ดับกลิ่นเหม็น
– ใช้ปรับสภาพของเสียจากครัวเรือนก้่อนใช้ประโยชน์ผลดีสำหรับการเกษตร

5. ประโยชน์ในครอบครัว
เราสามารถนำน้ำหมักชีวภาพ มาใช้เพื่อสำหรับในการล้างทำความสะอาดแทน สบู่ ผงซักฟอก ยาสระผม น้ำยาที่เอาไว้ล้างจาน รวมถึงใช้ขจัดกลิ่นในห้องอาบน้ำ โถส้วม ท่อที่มีไว้สำหรับระบายน้ำ ฯลฯ ได้ด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=KU8mbIb3Hs0

วิธีการทำ น้ำหมักชีวภาพ เพื่อวิธีซักล้าง
น้ำหมักชีวภาพ สามารถประยุกต์ใช้ผลดีสำหรับเพื่อการชะล้างได้ โดยมีสูตรให้นำผลไม้ เปลือกผลไม้ (ฝักส้มป่อย , มะคำดีควาย , มะนาว ฯลฯ) 3 ส่วน น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลอ้อย 1 ส่วน และก็น้ำ 10 ส่วน ใส่รวมกันในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด โดยให้เหลือช่องว่างไว้ราวๆ 1 ใน 5 ของขวด/ถัง แล้วหมั่นเปิดฝาคลายแก๊สออก
โดยจำเป็นต้องวางไว้ภายในที่ร่ม อย่าให้ถูกแสงอาทิตย์ หมักไว้นาน 3 เดือน ก็จะได้น้ำหมักชีวภาพ สำหรับซักผ้า หรือล้างจานได้ ซึ่งสูตรนี้ถึงแม้ผ้าจะมีราขึ้น ถ้าหากนำผ้าไปแช่ทิ้งเอาไว้ภายในน้ำหมักชีวภาพก็จะสามารถซักออกได้

ขั้นตอนการทำ น้ำหมักชีวภาพ เพื่อกำจัดกลิ่น
สูตรหนึ่งของการทำน้ำหมักชีวภาพมาดับกลิ่นหมายถึงใช้เศษอาหาร พืชผัก ผลไม้ที่เหลือทิ้ง 3 ส่วน กากน้ำตาลหรือโมลาส 1 ส่วน และก็น้ำ 10 ส่วน ใส่รวมกันในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด โดยให้เหลือช่องว่างไว้โดยประมาณ 1 ใน 5 ของขวด/ถัง หมักไว้นาน 3 เดือน ก็จะได้น้ำหมักชีวภาพใช้ดับกลิ่นในห้องสุขา โถส้วม ท่อที่มีไว้เพื่อระบายน้ำ กลิ่นฉี่สุนัข อื่นๆอีกมากมาย ได้อย่างยอดเยี่ยม

ข้อควรตรึกตรองสำหรับในการใช้ น้ำหมักชีวภาพ
1. แม้ใช้น้ำหมักชีวภาพกับพืช จะต้องใช้ปริมาณเจือจาง เพราะเหตุว่าถ้าหากความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้พืชหยุดการเติบโต แล้วก็ตายได้
2. ระหว่างหมัก จะกำเนิดแก๊สต่างๆในภาชนะ โดยเหตุนี้จำเป็นต้องหมั่นเปิดฝาออก เพื่อระบายแก๊ส แล้วปิดฝากลับให้สนิทโดยทันที
3. แม้ใช้น้ำประปาสำหรับในการหมัก จำเป็นต้องต้มให้สุก เพื่อไล่คลอรีนออกไปก่อน เพราะเหตุว่าคลอรีนอาจทำให้เป็นอันตรายต่อจุลินทรีย์ที่ใช้เพื่อสำหรับในการหมัก
4. พืชบางจำพวก เช่น เปลือกส้ม ไม่เหมาะสำหรับการทำน้ำหมักชีวภาพ เพราะว่าน้ำมันที่เคลือบผิวเปลือกส้มเป็นพิษต่อจุลินทรีย์

https://www.youtube.com/watch?v=Bl0mZxiqS_0

ด้วยเหตุนี้แล้ว เพื่อให้มีความปลอดภัย
ควรหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มิได้รับการรับรองจากหน่วยงานของกินและก็ยา รวมทั้งจำต้องตรึกตรองความน่าไว้วางใจของผู้สร้าง แหล่งผลิต แล้วก็บรรจุภัณฑ์พัสดุภัณฑ์ด้วย แต่ว่าถ้าหากจะนำ "น้ำหมักชีวภาพ" มาใช้ในครัวเรือน หรือการกสิกรรม ทดลองทำไม่ยากด้วยตัวเอง ก็จะไม่มีอันตรายและก็ประหยัดที่สุด